Probiotic ป้องกันไวรัส Covid-19

Must Try

rungsiyas
วิชาชีพที่พี่เมย์กำลังทำอยู่จนเชี่ยวชาญคือ ความลึกลับของสุขอนามัยน้องสาวหรือจุดซ่อนเร้น ไม่น่าเชื่อว่าพี่เมย์รับเคสจากผู้หญิงที่มีปัญหาน้องสาวมากกว่า 3 แสนเคส จากประสบการณ์นี้ พี่เมย์จึงอยากแบ่งปันเรื่องราวที่ได้รับจากเคสต่างๆ เป็นวิทยาทานแก่ผู้หญิงทุกคนค่ะ

Probiotic ช่วยปกป้องการติดเชื้อ

ป้องกันในรูปแบบของการ replace กีดกัน ฆ่า ทำลายและไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ป้องกันการติดเชื้อ เช่น การติดเชื้อทางเดินอาหาร การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ การติดเชื้อทางช่องคลอด และการติดเชื้อทางเดินหายใจ ไวรัสทางหลายรวมถึงไวรัสโควิด-19 เช่นกัน 

Probiotic เพิ่มภูมิคุ้มกัน

Probiotic จะไปทำการกระตุ้นพวก immune cell ที่อยู่ในระบบเยื้อบุ ไม่ว่าจะเป็น เยื้อบุทางเดินหายใจ เยื้อบุทางเดินอาหาร แล้วทำให้เกิดการสร้างสารน้ำที่เรียกว่า Antibody หรือที่เราเรียกกันว่า ภูมิคุ้มกันนั่นเอง ภูมิคุ้นกันที่สร้างมานั้นคือภูมิคุ้มกันชนิด IgA เป็นภูมิคุ้นกันที่คอยปกป้องอยู่ในระบบเยื่อบุ ช่วยทำให้เชื้อแปลกปลอมไม่สามารถยึดเกาะระบบเยื่อบุได้ ซึ่งในกรณีเดียวกันของเรื่อง covid-19 เหตุผลที่กรมอนามัยแนะนำให้กินโพไปโอติกเพื่อป้องกันไวรัสโควิด-19 หรือเพื่อลดการติดเชื้อ covid-19

เพราะ โพไบโอติกสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งภูมิคุ้มกันอันนี้จะถูกส่งออกมาในระบบเยื่อบุ ไม่ว่าจะเป็นเยื้อบุทางเดินหายใจ เยื้อบุทางเดินอาหาร จะทำให้เชื้อไวรัสนั้นไม่สามารถยึดเกาะกับเซลล์ร่างกายของเราได้ เช่น ไวรัสจะสามารถแบ่งตัว เพิ่มจำนวนได้ และเกาะเราได้ต่อเมื่อมันเข้ามาในเซลล์ร่างกายของเรา ถ้าเราสามารถป้องกันก่อนที่มันจะเข้ามาในเซลล์ร่างกายเราได้ โดยการมี Antibody หรือภูมิคุ้มกัน

ถ้าพบเชื้อ Antibody ในร่างกายเราก็จะทำการจับเชื้อโรค Antibody ตัวสีฟ้านั้นไปจับเชื้อโรคตัวสีม่วง หรือไปจับ pathogen ตัวสีเหลืองตามในภาพบนเซลล์ด้านซ้ายสุด สมมุติฐานว่ามีไวรัส covid-19 อยู่บนเซลล์ร่างกายของเรา Antibody ของร่างกายเรานั้นก็จะทำการไปจับ หุ้ม เคลือบ ตัว spike ไว้หรือก็คือมือของตัวไวรัส เพราะ ไวรัสต้องใช้ spike ในการเกาะเซลล์ร่างกายของเรา จึงทำให้เชื้อไวรัสยึดเกาะกับเซลล์เราไม่ได้ สุดท้ายก้ถูกขับออกไป 

การทำงานของโปรไบโอติกในภูมิคุ้มกันต่างๆ

การมี Probiotic จะช่วยไปทำการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้ภูมิคุ้มกันที่ถูกสร้างผ่านสารน้ำหรือ Antibody ไปลาดตระเวน ปกคลุมอยู่บริเวณเยื่อบุ (ภูมิคุ้มกันบางตัวลาดตระเวนบริเวณระบบเยื้อบุ บางตัวลาดตระเวนอยู่ในระบบเลือด บางตัวลาดตระเวนในระบบน้ำเหลือง ส่วนภูมิคุ้มกัน IgA นั้นถูกส่งมาที่ระบบเยื่อบุ)

เพื่อมีหน้าที่ในการปกป้องระบบเยื่อบุ ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร ระบบเยื่อบุทั้งหมด ทำให้เชื้อไวรัสยึดเกาะกับเซลล์ไม่ได้ ไวรัสถ้าไม่มีเซลล์ที่อยู่อาศัย มันก็จะตายไปตามธรรมชาติ เพราะ เชื้อไวรัสไม่สามารถเจริญเติบโตได้ด้วยตัวเอง มันต้องการสิ่งที่อาศัยอยู่ด้วย ถึงสามารถอยู่ได้ ( อันนี้คือในแง่ของเชื้อไวรัส covid-19 )

โพไบโอติกสามารถกระตุ้นให้ร่างกายสร้าง Mucus หรือก็คือน้ำมูก เมือก เสมหะ นั่นออกมาได้ ตามในภาพ Mucus คือเม็ดสีฟ้า ๆ เค้าจะคอยเคลือบอยู่ตามระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร การที่ Mucus เคลือบอยู่แบบนี้จะช่วยในการกีดกันไม่ให้เชื้อโรคเข้ามาได้ ดังนั้นถ้าถามว่า Probiotic มีประโยชน์อย่างไร ประโยชน์มันเยอะมากๆ แม้กระทั่งใช้เวลาพูดหนึ่งวันก็ไม่มีทางพูดหมด แต่จะสรุปง่ายๆคือการทำให้สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อเชื้อที่อยู่บริเวณนั้นหรือเชื้อก่อโรค จะทำให้พวกเชื้อก่อโรคนั้นเจริญเติบโตได้ไม่ดี เพราะ มี Probiotic ที่เปรียบเสมือนผู้คุมถิ่น ที่คอยกระตุ้นร่างกายให้สร้าง Mucus และ Antibody ออกมา

Winona Probiotic

ส่วนตัว Probiotic ของ Winona นั้นเค้าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้วทำให้ภูมิคุ้มกันให้ไปลดการสร้าง cytokine กลุ่มที่ทำให้เกิด inflammation หรือก็คือการอักเสบ ติดเชื้อนั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ได้ถูกพิสูจน์ในหลายงานวิจัยแล้ว Probiotic ตัวนี้ไม่ได้ไปแก้ไขการอักเสบโดยตรง แต่ Probiotic ตัวนี้จะทำการสั่งภูมิคุ้มกันให้ควบคุมการอักเสบ

โดยไปลดการสร้างสารสื่ออักเสบ ร่างกายเลยจะไม่เกิดการอักเสบหรือร่างกายที่อักเสบอยู่แล้ว ร่างกายก็จะเกิดการเรียนรู้ว่าให้ไปลดการสร้างสารสื่ออักเสบ เช่น คนที่กินเหล้าจะมีสารสื่ออักเสบออกมาเยอะมาก พอกิน Probiotic เข้าไป Probiotic ก็จะไปสั่งภูมิคุ้มกันว่าให้ไปลดการสร้างสารสื่ออักเสบหน่อย สารสื่ออักเสบก้จะลดลง และยังทำให้ไขมันไม่เกาะตับอีกด้วย การสูญเสียนิวรอนในระบบประสาทในสมองก็จะลดลง ก็จะทำให้ไม่เป็น Alzheimer ลำไส้ที่เคยอักเสบก็จะลดลง ถือเป็นการรักษาอย่างหนึ่งเช่นกัน

อันนี้คือการอธิบายในแง่ของการที่ Probiotic ไปช่วยเหลือในเรื่องของการติดเชื้อ ไปช่วยในเรื่องของภูมิคุ้มกัน หรือการลดอนุมูลอิสระ และ Probiotic ไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้อย่างไร

          เชื้อตัวนี้มันไปกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ในแง่ที่ว่าไปเพิ่มการสร้าง cytokine กลุ่มที่สร้าง Antibody ภาพเดิมภาพแรก กลุ่มลูกสีเขียว ขาว ส้ม ด้านล่าง ต่อมา Antibody นั้นก็จะช่วยกีดกัน ไม่ให้เชื้อก่อโรคนั้นยึดเกาะ ซึ่งความจริงแล้วคำว่า “กระตุ้นภูมิคุ้มกัน” มีความหมายกว้างมาก อยู่ที่เราจะตีความแบบไหน เช่น ภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา

หลัก ๆ นั้นมีอยู่สองประเภท แบบแรกคือแบบที่ได้มาตั้งแต่เกิด ยกตัวอย่างเช่น ในน้ำตาเราจะมี lysozyme ป้องกันการติดเชื้อที่ตา lysozyme ในปากป้องกันการติดเชื้อที่ปาก

ในร่างกายเรานั้นมีน้ำย่อย มีกรด ป้องกันการติดเชื้อ และ มีเม็ดเลือดขาวที่สามารถจับกินเชื้อโรคได้เลย แบบที่สองคือแบบจำเพาะหรือได้มาภายหลัง ยกตัวอย่างเช่น เราฉีดวัคซีน กระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เกิดขึ้นมาอย่างจำเพาะ หรือเราติดเชื้อแล้วต่อมามีภูมิคือภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ

ส่วนภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นที่หลังทุกคนจะมีอยู่แล้ว แต่จะมีแค่ปริมาณนึงให้มีความสมดุลที่ร่างกายจะทำงานได้ ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ถ้ามีมากไปก็เกิด autoimmune disease หรือก็คือโรคภูมิแพ้ตัวเอง ถ้ามีความไวมากไปก็จะเกิดโรคภูมิแพ้ แพ้อาหาร หรือเกิดสิ่งผิดปกติไป แต่โดยปกติร่างกายจะถูกสอนว่าให้ตอบสนองอย่างพอเหมาะพอดี แต่บางครั้งร่างกายก็ผิดพลาด เช่น ก่อนที่จะส่งภูมิคุ้มกันออกจากร่างกาย จะมีต่อมไทมัส ไขกระดูก ที่จะคอยสอนว่า อย่าส่งภูมิคุ้มกันที่ทำร้ายตัวเองมานะ 

ดังนั้นมันก็จะถูกฆ่าทิ้งตั้งแต่อยู่ในไขกระดูกตั้งแต่อยู่ในต่อมไทมัสแล้ว แต่บางครั้งการตรวจพบสิ่งผิดปกติแบบนี้ มันก็อาจจะเกิดการตรวจผิดขึ้น

อย่างเช่น การที่ร่างกายผิดพลาดดันนำตัวไม่ดีออกมา กลายเป็นคัดตัวที่ตอบสนองต่อเซลล์ตัวเองออกมา เลยกลายเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง ภูมิคุ้มกันนั้นจะมีการ clonal selection ตัวที่ตอบสนองต่อภูมิของตัวเอง ตัวที่ไปทำลายเนื้อเยื่อตัวเอง จะต้องถูกฆ่าทิ้งไปด้วยขบวนการ program cell death ส่วนที่ไม่ตอบสนองต่อเซลล์ร่างกายเลย แต่ตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมจะถูกส่งออกมาในต่อมน้ำเหลืองหรือในร่างกายเป็นต้น เพื่อคอยตรวจตระเวนสิ่งแปลกปลอม ตัวที่ดันไปตอบสนองต่อเซลล์ตัวเองก็จะถูกฆ่าทิ้งในทันที ตั้งแต่อยู่ในต่อมไทมัสหรือตั้งแต่อยู่ในไขกระดูก ร่างกายจึงตอบสนองอย่างพอเหมาะ พอดีและไม่ตอบสนองต่อตัวเอง

แต่เช่นเคยการตอบสนองพวกนี้ก็เกิดผิดปกติได้ นั่นก็คือคนที่เป็นโรค เพราะ เกิดจากการที่มีพัฒนาการที่ผิดตั้งแต่แรก เช่นเดียวกันกับเคสนี้เรียกว่าภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ ซึ่งแบบจำเพาะจำแนกได้เป็นสองแบบ แบบผ่านทางการสร้าง Antibody ไม่ว่าจะเป็น IgA IgG IgE IgD ฯลฯ ซึ่ง IgA จะมาปกป้องในระบบเยื่อบุ IgG อยู่ในกระแสเลือดที่มาจากนมแม่ เพราะฉะนั้น ลูกดูดนมแม่เยอะก็จะมีภูมิคุ้มกันเยอะ เช่นเดียวกับลูกที่อยู่ในท้องก็จะได้ IgG จากแม่ ดังนั้นเด็กที่อยู่ในท้องแม่ก็จะมีภูมิคุ้มกันอยู่ส่วนหนึ่งแล้ว พอคลอดออกมาจะมีทั้งเด็กที่ติดเชื้อและเด็กที่ไม่ติดเชื้อ เพราะ เด็กบางคนแม่ไม่ค่อยแข็งแรง ก็จะทำให้เด็กได้รับภูมิคุ้มกันที่ไม่ดี เวลาเกิดมาจะติดเชื้อง่าย แต่เด็กบางคนนั้นแม่ภูมิคุ้มกันดี IgG เยอะ ลูกก็จะได้รับผลประโยชน์จากส่วนนั้นมาเต็มๆ แล้วไปดื่มนมแม่อีก โอกาสป่วยก็จะยิ่งน้อยไปตามๆกัน ซึ่ง IgG นั้นตัวเล็กมาก เป็น Antibody  ออกมาผ่านทางน้ำนมแม่ ดังนั้นเด็กที่ดื่มนมแม่จะไม่ค่อยเป็นหวัด จะไม่ค่อยเป็นภูมิแพ้ เพราะว่ามีภูมิคุ้มกันตรงนี้ออกมาจากนมแม่ ส่วนภูมิคุ้มกันที่เป็นตัวเซลล์นั้นจะเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่กำจัดเซลล์แปลกปลอม เช่น เซลล์มะเร็ง เป็นต้น

- Advertisement -spot_img

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisement -spot_img

Latest Recipes

- Advertisement -spot_img

More Recipes Like This

- Advertisement -spot_img